หนังสือพิมพ์ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน.
บทความประจำ:
“ตีฆ้อง ส่องฅน” โดย...วิสิทธิ์ แท่นมณี
นายทุนเมืองแพร่ ขนเครื่องมือหนักบุกรุกตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ | ||
นายทุนเมืองแพร่ ขนเครื่องมือหนักบุกรุกตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หมู่5 ต.นาซาว อ.เมืองน่าน จ.น่าน ขนข้ามจังหวัด เจ้าหน้าที่รัฐหมดปัญญาระงับ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านแก้ปัญหาอย่างไร?
| ||
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 พ.ค.2558 ได้มีกลุ่มบุคคลขนเครื่องมือพร้อมรถยนต์บรรทุกเข้าตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หมู่ที่ 5 ต.นาซาว อ.เมืองน่าน จ.น่าน จึงได้แจ้งไปทางจังหวัดน่าน ให้ตรวจสอบว่ามีการกระทำดังกล่าวหรือไม่
| ||
นายสนอง จองติเจ้า เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่านามล อ.เมืองน่าน จ.น่าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หลายนายได้เข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่ามีการตัดไม้ตามที่ได้รับแจ้งจริง ต่อมามีนายสมชาย ยศกันโท ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่5 ต.นาซาว อ.เมืองน่าน จ.น่าน และนายช่วย อินต๊ะฟู ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของพื้นที่ได้ร่วมกันยืนยันกับเจ้าหน้าที่ฯที่ร่วมตรวจสอบว่าไม้ดังกล่าวที่ถูกโค่นล้ม ได้มีมติของหมู่บ้านให้จำหน่ายให้นายสมนึกฯ เป็นเงิน 250,000 บาท (สองแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) โดยนายสมนึกได้ทำการขออนุญาตทำการตัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
| ||
เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2558 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเขตไทย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าบริเวณที่มีการตัดไม้เป็นเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีหลักเขตป่าสงวนแห่งชาติ ปักแสดงไว้อย่างชัดเจน จึงได้แจ้งไปทางจังหวัดน่าน เข้าตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาในเวลา 16.00 น. นายสนอง จองติเจ้า เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่านามล อ.เมืองน่าน จ.น่าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฯได้ร่วมกันตรวจสอบเกี่ยวกับการตัดไม้ที่มีการร้องเรียน โดยมี นายช่วย อินต๊ะฟู ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.นาซาว อ.เมืองน่าน จ.น่าน นายโกมล พูลสวัสดิ์ กรรมการหมู่บ้าน นายวีระยุทธ ขัดโน กรรมการหมู่บ้าน พร้อมทั้งชาวบ้านประมาณ 100 กว่าคนได้มารวมตัวกันที่บริเวณที่มีการตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมทั้งร่วมกันยืนยันว่าไม้ที่ถูกโค่นนั้นได้มีประชามติของหมู่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในเวลาต่อมานายสมชาย ยศกันโท ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่5 ต.นาซาว อ.เมืองน่าน จ.น่าน ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านทาง Facebook ว่า “ผญ.สมชาย ขออธิบายขยายความหน่อยคือทางหมู่บ้านได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขายไม้ยูคาเพื่อเอาเงินสมทบสร้างเมรุแต่มีผู้ดีประสงค์ร้ายไปแจ้งทุกหน่วยงานให้มาตรวจสอบทั้วที่ผญ.ได้ไปขออนุญาตหน่วยงานเกล่านั้นหมดมันเป็นการทำเพื่อส่วนรวมเพื่อหมู่บ้านของเราช่วยกันติตหน่อยว่าเขาทำแบบนี้เพื่อหวังสิ่งใด ป๋อ ผญ. มึน”
| ||
จึงเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่าที่จังหวัดน่าน มีนายทุนจากจังหวัดแพร่ บุกรุกเข้าตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่มีการระงับยับยั้งจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีหน้าที่ดูแลป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีหน้าที่ดูแลที่สาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ท่านนายกรัฐมนตรี จะแก้ปัญหานี้อย่างไร?
| ||
และตาม ปจว.สภ.เรือง จว.น่าน ลำดับที่ 1 วันที่ 13 พ.ค.58 เวลา 19.30 น. ที่ได้มีการลง ปจว.ไว้ โดยอ้างว่า นายสมนึกฯ ได้ทำการขออนุญาตดำเนินการตัดไม้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีการตรวจสอบแล้วหรือยังว่าได้มีการขออนุญาตและได้รับอนุญาตตามที่มีการอ้างไว้ใน ปจว.หรือไม่? หากการอ้างปราศจากหลักฐานและไม่เป็นจริงตามที่อ้างไว้ใน ปจว. เป็นการแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานหรือไม่? อย่างไร และ เจ้าหน้าที่ฯ ที่เข้าร่วมตรวจสอบพบว่ามีการตัดไม้จริงตามที่มีการแจ้ง และผลการตรวจสอบพบว่าเป็นไม้ยูคาฯในป่าชุมชนหมู่บ้าน โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่าไม้ที่โค่นนั้นได้มีมติของหมู่บ้านนั้น มติดังกล่าวมีกฎหมายใดรองรับมติของหมู่บ้านให้ตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่?
| ||
คงต้องถามในรายละเอียดไปที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมอุทธยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่มีหน้าที่ปกป้องทรัพยากรป่าไม้โดยตรง ว่า หากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าไม้ที่ถูกโค่นตัดไปอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ กลุ่มบุคคลที่ร่วมกันกระทำการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ระงับยับยั้งและตรวจสอบให้แน่ชัดเพื่อให้ทุกฝ่ายหายเคลือบแคลงใจ จะมีความผิดอย่างไร? หรือไม่?
| ||
และสุดท้ายฝ่ายปกครองราชสีห์ผู้ภักดีต่อแผ่นดิน ถามไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ว่าหากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าไม้ที่ถูกโค่นตัดไปอยู่ในเขตที่สาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ซึ่งตามอำนาจหน้าที่ของการดูแลที่สาธารณประโยชน์ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ.2553 เป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ สาระสำคัญในเรื่องการใช้ประโยชน์นั้นกำหนดไว้ชัดเจนว่านายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีอำนาจใช้ หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัด และปฏิบัติตามประมวลกฏหมายที่ดิน กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด จากเหตุที่เกิดขึ้น กลุ่มบุคคลที่ร่วมกันกระทำการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ระงับยับยั้งและตรวจสอบให้แน่ชัดเพื่อให้ทุกฝ่ายหายเคลือบแคลงใจ จะมีความผิดอย่างไร? หรือไม่?
| ||
“แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐว่ามีการตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ขนข้ามจังหวัด เจ้าหน้าที่รัฐหมดปัญญาระงับ ปัญหานี้แก้ได้อย่างไร? ใครเป็นคนแก้? เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ”
| ||
วิสิทธิ์ แท่นมณี / visit_7511@hotmail.com | ||
หนังสือพิมพ์เขตไทย